สิทธิการคุ้มครองเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรง

ThuJune201116839_DSC_3505
การคุ้มครองเด็ก เป็นการป้องกันและการจัดการกับความรุนแรง การแสวงประโยชน์และการกระทำมิชอบต่อเด็กซึ่งรวมถึงการแสวงประโยชน์ทางเพศเพื่อการพาณิชย์ การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็กและจารีตประเพณีต่างๆที่เป็นภัยต่อเด็ก เช่นการแต่งงานก่อนวัยอันควร การคุ้มครองเด็กมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นเหยื่อหรือที่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรง การกระทำมิชอบ การแสวงประโยชน์และการละเลยทอดทิ้งเด็ก โดยรวมถึงเด็กกำพร้า เด็กเร่รอน เด็กที่ไม่มีสูติบัตร เด็กไร้สัญชาติ เด็กที่กระทำผิดกฎหมาย และเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้ง ถ้าหากไม่ได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสมเด็กเหล่านี้จะตกอยู่ในสภาพเสี่ยงต่อภัยอันตรายหลายประการ เช่น การได้รับบาดเจ็บและการเสียชีวิต การขาดพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญา การติดเชื้อเอชไอวี การขาดโอกาสทางการศึกษา การต้องพลัดถิ่น การไร้ถิ่นฐานที่อยู่และการเร่ร่อน

ปัจจุบันในประเทศไทยมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ออกเดินทางเคลื่อนย้าย จากภูมิลำเนาของตัวเองและครอบครัวไปยังที่อื่นเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ทั้งที่เป็นการเคลื่อนย้ายภายในประเทศและข้ามพรมแดนมา โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านในลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ พม่า กัมพูชา และลาว การเคลื่อนย้ายของเด็กกลุ่มนี้พบว่ามีทั้งเด็กที่ติดตามมากับผู้ปกครองหรือเครือญาติเพื่อมาหางานทำในประเทศไทย เด็กที่เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน หรือเด็กวัยเดียวกัน นอกจากนั้นยังพบว่ายังมีเด็กที่เดินทางมาเพียงลำพังหรือมีขบวนการขนคนเข้าเมืองหรือค้ามนุษย์ลักลอบนำเด็กเข้าเมืองหรือจัดการนำเด็กเคลื่อนย้ายออกจากถิ่นฐานของตน แม้จะมีบางกรณีที่เด็กพบผู้ดูแลหรือนายจ้างที่ให้การดูแลเป็นอย่างดีแต่ก็มีจำนวนน้อยมาก เด็กส่วนใหญ่ที่ย้ายถิ่นยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกแสวงประโยชน์ โดยตกอยู่ในสภาพการทำงานที่เลวร้ายหรือถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีหลักการสำคัญคือ การระดมทรัพยากรทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมดูแล ปกป้อง คุ้มครองเด็กโดยอาศัยการดำเนินงานแบบสหวิชาชีพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก กฎหมายฉบับนี้ได้วางระบบการ สงเคราะห์คุ้มครอง สวัสดิภาพและการส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาและส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา และส่งเสริมหน้าที่ความรับผิดชอบของครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ในการร่วมมือกันคุ้มครองเด็ก โดยไม่พึ่งทรัพยากรจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546ไม่ใช่กฎหมายเพื่อลงโทษผู้ปกครอง แต่มีเจตนาสนับสนุนให้ผู้ปกครองเลี้ยงดูบุตร ได้โดยไม่ขัดต่อประเพณีปฏิบัติอันดีงามโดยรัฐพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ แก่ครอบครัวเมื่อจำเป็น กฎหมายนี้จึงเป็นเสมือนคู่มือสะท้อนให้ผู้ปกครองตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และสิ่งอันควรปฏิบัติเพื่อสามารถเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพและปลอดภัย